ปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคออฟฟิตซินโดรมเพิ่มจำนวนมากขึ้น และเป็นผู้ป่วยที่มีอายุลดน้อยลงเรื่อยๆอีกด้วย ทำให้เราเห็นได้ว่าโรคออฟฟิตซินโดรมเป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ ใครก็สามารถเป็นได้ ซึ่งส่วนมากเกิดจากพฤติกรรมที่เคยทำแบบผิดท่าผิดทาง ส่งผลต่อข้อและกระดูก
พฤติกรรมเสี่ยงเกิดโรคออฟฟิตซินโดรม
การใช้ชีวิตประจำวัน ท่าทางต่างๆส่งผลต่อร่างกาย เส้น ข้อและกระดูก อาจส่งผลให้เกิดโรคได้
1.การจับเม้าส์คอมพิวเตอร์
พนักงานออฟฟิตส่วนมากมักต้องใช้คอมพิวเตอร์ ต้องพิมพ์งานและจับเม้าส์ โดยปกติมักจะนั่งหลังค่อม มือกระดกขึ้น หรือ วางมือบนแป้นพิมพ์ที่ผิดวิธี ท่าทางที่ถูกต้องคือ ควรนั่งหลังตรง คอตรง ปรับระดับจอคอมพิวเตอร์ในอยู่ในระดับสายตา และนำหมอนมารองใต้ข้อมือเวลาพิมพ์งานหรือจับเม้าส์ เพื่อให้ข้อมือ แขนจนถึงข้อศอก ขนานเป็นเส้นตรง ยิ่งไปกว่านั้นควรหมั่น ลุกเดิน หรือเปลี่ยนอิริยาบถไปทำอย่างอื่น อย่านั่งนานจนเกินไป เพียงเท่านี้จะลดอาการปวดเมื่อยได้
2.การก้มหน้าดูมือถือ หรือแท็บเล็ต
ปัจจุบันเรามักใช้เวลาส่วนมากเล่นโทรศัพท์มือถือ หรือ แท็บเล็ต แต่รู้หรือไม่ว่า การก้มคอแต่ละครั้งกระดูกต้นคอเราต้องรับน้ำหนักสูงขึ้น 6-7 เท่า และเสี่ยงต่ออาการกระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาท ซึ่งยังรวมถึงการก้มคอพิมพ์งาน เขียนอ่านหนังสือ อ่านหนังสือก็สามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน ท่าที่ถูกต้องควรตั้งคอให้ตรง หูต้องขนานกับไหล่ ไม่ยื่นไปข้างหน้า ยกมือถือขึ้นในระดับสายตา ใช้กำลังแขนแทนการก้มคอ สามารถผ่อนคลายจากการจับมือถือนานๆ ได้โดย ให้นำมือข้างใดข้างหนึ่งจับไปที่หูที่อยู่ฝั่งตรงข้ามมือ แล้วดึงศีรษะไปทางด้านเดียวกับมือที่ใช้จับหู เช่น มือซ้ายจับหูขวา ดึงไปทางด้านซ้าย นับ 1-30 และทำสลับข้างซ้ำอีกรอบ
3.การขับรถนาน
การขับรถนานๆก่อให้เกิด Office Syndrome ได้จากท่าขับรถ คนที่ขับนานมักมีปัญหาปวดบริเวณหลังล่างหรือเอวด้านล่าง จึงควรปรับเบาะในอยู่ในระยะที่เหมาะสม ไม่ห่างหรือชิดพวงมาลัยจนเกินไป ก้นติดเบาะด้านใน นั่งหลังตรง ไม่โน้มมาข้างหน้า หากมีอาการเหนื่อยล้าให้จอดพักในพื้นที่ปลอดภัย แล้วนำมือสองมือประสานกัน จับไปที่ท้ายทอยแล้วกดลง โน้มน้ำหนักลงมาเรื่อยๆ ทำให้มีการยืดบริเวณกล้ามเนื้อต้นคอ
จะเห็นได้ว่าการทำพฤติกรรมเดิมๆ ซ้ำๆ เป็นระยะเวลานาน ด้วยท่าทางที่ไม่เหมาะสม ทำให้มีโอกาสเป็นโรคออฟฟิตซินโดรมได้ ดังนั้นไม่ว่าจะทำงานที่ไหนก็ควรปรับเปลี่ยนท่า ไม่ใช้งานมือข้างเดิมเป็นระยะเวลานาน ควรหยุดพักบ้าง และที่สำคัญควรหมั่นออกกำลังกายเพื่อคลายเส้น