Home Blog

ไหว้เช็งเม้งอย่างไรให้ถูกวิธี ชีวิตจะได้เฮงๆๆ

“วันเช็งเม้ง” เป็นประเพณีสำคัญของชาวไทยเชื้อสายจีนเพื่อบูชาบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว โดยมักมีพิธีเซ่นไหว้และปัดกวาดหลุมศพ ซึ่งตรงกับวันที่ 5 เมษายนของทุกปี

ประเพณีปฎิบัติในวันเช็งเม้ง 

1. การทำความสะอาดฮวงซุ้ยหรือสุสาน 

ต้องทำให้สะอาด ลงสีที่ป้ายชื่อให้ดูใหม่ โดยคนตายแล้วลงสีเขียว/สีทองขลิบเขียว ขณะที่ป้ายชื่อคนเป็นให้ลงสีแดง แต่ห้ามถอนหญ้า เพราะอาจกระทบตำแหน่งห้าม เช่น ทิศอสูร ทิศแตกสลาย ทิศดาวเบญจภูติ เป็นต้น สำหรับการตกแต่งสุสานนั้น อาจใช้กระดาษม้วนสายรุ้ง โดยสุสานคนเป็น ให้ใช้สายรุ้งสีแดง ส่วนสุสานคนตาย สามารถใช้สายรุ้งสีอะไรก็ได้ แต่ห้ามห้ามปักธงลงบนหลังเต่า เพราะถือว่า เป็นการทิ่มแทงหลุม และเป็นการทำให้หลังคาบ้านของบรรพบุรุษรั่ว 

2. การไหว้เจ้าที่เจ้าทาง   

การกราบไหว้เจ้าที่ เป็นการให้เกียรติ และขอบคุณที่ช่วยคุ้มครองดูแลสุสาน  

การจัดของไหว้มีดังนี้ 

  • เทียน 1 คู่ 
  • ธูป 5 ดอก 
  • น้ำชาและเหล้า อย่างละ 5 ถ้วย
  • ของไหว้ต่าง ๆ เช่น ขนมอี๋ ผลไม้ (ควรงดเนื้อหมูเพราะบางเจ้าที่เป็นอิสลาม) 
  • กระดาษเงิน กระดาษทอง 

3.การไหว้บรรพบุรุษ 

การจัดของไหว้ มีดังต่อไปนี้ 

  • อาหารคาว สื่อถึงเพื่อความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้ เช่น ไก่ต้มทั้งตัว, ปลากระพงนึ่งซีอิ๊ว, เป็ดพะโล้, หมูสามชั้นต้ม เป็นต้น
  • ขนมหวาน เน้นขนมมีความหมายดี หน้าตาน่าทาน เช่น
    • ขนมถ้วยฟู (ฮวดโก้ย) หมายถึง ความเฟื่องฟู เจริญรุ่งเรือง
    • ซาลาเปา (เปาไช้) หมายถึง ห่อโชคและห่อเงินห่อทอง
    • ขนมเปี๊ยะ (ผั่วเปี้ย) หมายถึง ความปรารถนาดี ความสมบูรณ์ สมหวัง   
  • ผลไม้ ผลไม้มงคลที่นิยมนำมาเซ่นไหว้ได้แก่ 
    • สับปะรด : ผลไม้แห่งความโชคดี
    • ส้ม : ผลไม้แห้งสิริมงคล
    • แอปเปิล : ผลไม้ที่ช่วยปัดเป่าโรคภัย ช่วยให้สุขภาพแข็งแรง
    • สาลี่ : ผลไม้แห่งโชคลาภ และเงินทองที่ไหลมาเทมา
    • องุ่น : ผลไม้แห่งความเจริญงอกงาม รุ่งเรือง 
  • น้ำชา และเหล้า อย่างละ 3 ถ้วย เป็นการแสดงถึงความเคารพนับถือ 
  • ธูป-เทียน โดยใช้เทียน 1 คู่ ส่วนธูปใช้ตามจำนวนบรรพบุรุษ ท่านละ 1 ดอก ปักลงบนฟักแก่ 
  • กระดาษเงินกระดาษทอง เป็นการส่งเงินและทรัพย์สินไปให้คนที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่อเป็นการแสดงถึงความกตัญญู นอกจากนั้นยังมี รถยนต์กระดาษ บ้านกระดาษ เงินกระดาษ สมาร์ทโฟนกระดาษ เป็นต้น 

การไหว้เช็งเม้ง เป็นการระลึกถึงบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ตามความเชื่อหากใครไหว้ด้วยของดีๆ ทำด้วยใจ ก็จะส่งผลดีต่อตนเองและครอบครัว รวมถึงธุรกิจก็จะรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จอีกด้วย  

ทัวร์ฮ่องกง สถานที่ไหว้พระ วัดไหนน่าสนใจ สายมูไม่ควรพลาด

ทัวร์ฮ่องกง

ฮ่องกง ไม่เพียงแต่เป็นเมืองที่ร่วมสมัยและเต็มไปด้วยอาคารสูงและแหล่งช้อปปิ้งที่หลากหลาย แต่ยังเป็นที่ตั้งของหลายวัดที่สำคัญทางศาสนาที่น่าไปเยี่ยมชมในระหว่างการทัวร์ฮ่องกงของคุณ ในบทความนี้เราจะพาคุณไปเรียนรู้เกี่ยวกับ วัดเจ้าแม่กวนอิม, วัดหมั่นโหม่, วัดเจ้าแม่กวนอิมฮ่องฮำ, วัดหยวนหยวน, และ วัดเจ้าแม่ทับทิม ที่เป็นสถานที่สำคัญในการไหว้พระและปฏิบัติพระธรรมในฮ่องกง

ทัวร์ฮ่องกง

วัดเจ้าแม่กวนอิม (Choi Mui Kok Yuen)

วัดเจ้าแม่กวนอิม เป็นสถานที่ทางศาสนาที่สำคัญและได้รับการเคารพอย่างสูงในฮ่องกง วัดนี้มีการก่อสร้างที่ยอดเยี่ยมและสถาปัตยกรรมที่งดงาม คุณสามารถเยี่ยมชมพระพุทธรูปที่สวยงามและปฏิบัติพระธรรมได้ที่นี่

วัดหมั่นโหม่ (Man Mo Temple)

วัดหมั่นโหม่เป็นวัดที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเป็นที่รู้จักในฮ่องกง วัดนี้เป็นบ้านของพระเจ้าแม่หมั่นและพระเจ้าแม่โหม่ คุณสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมศาสนาที่นี่

วัดเจ้าแม่กวนอิมฮ่องฮำ (Choi Mui Kok Yuen Hong Ham)

วัดเจ้าแม่กวนอิมฮ่องฮำเป็นสถานที่ไหว้พระที่ตั้งอยู่ในย่านฮ่องฮำแห่งนึง วัดนี้เป็นสถานที่สวยงามและเงียบสงบที่เหมาะสำหรับการสวดมนต์และปฏิบัติพระธรรม

วัดหยวนหยวน (Yau Yuen Monastery)

วัดหยวนหยวนเป็นวัดที่น่าสนใจที่มีบรรยากาศสงบและสวยงาม คุณสามารถเยี่ยมชมพระพุทธรูปและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับศาสนาที่นี่

วัดเจ้าแม่ทับทิม (Choi Mui Toi Tim)

วัดเจ้าแม่ทับทิมเป็นสถานที่ไหว้พระที่มีความสงบและสวยงาม วัดนี้มีรูปปั้นพระพุทธรูปที่น่าสนใจและเป็นที่เคารพอย่างสูงในฮ่องกง

สาระความรู้: การเยี่ยมชมวัดที่สำคัญในฮ่องกงเป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่งและมีความสำคัญทางศาสนา คุณจะได้รับโอกาสในการสัมผัสความสงบและความกำลังใจทางศาสนา อย่าลืมถ่ายรูปเพื่อเก็บความทรงจำของการเยี่ยมชมวัดเหล่านี้ในการท่องเที่ยวของคุณในฮ่องกง!

พรีเวดดิ้งสไตล์คลาสสิก ชอบแบบไหนเลือกถ่ายได้เลย

ถึงแม้ปัจจุบันจะมีการถ่ายพรีเวดดิ้งแนวใหม่ ๆ มากมายแต่ พรีเวดดิ้งสไตล์คลาสสิก ก็ยังได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย โดยเฉพาะคนที่ชื่นชอบความเก่าแก่ และความคลาสสิกแบบสมัยก่อน ที่ให้ความรู้สึกวินเทจย้อนยุคเป็นภาพถ่ายที่เรียบง่าย มีความละมุน แฝงไปด้วยความโรแมนติก อีกทั้งยังให้ความรู้สึกอารมณ์แห่งความรัก ความอบอุ่น ความผูกพันเป็นอย่างมาก ซึ่งหากใครยังไม่รู้ว่าการถ่ายแนวนี้มีไอเดียอะไรที่น่าสนใจ เราจึงนำมาฝากกัน

พรีเวดดิ้งสไตล์คลาสสิก ต้องมีมุมดี ๆ ในร้านอาหาร

การถ่ายพรีเวดดิ้งในร้านอาหารเป็นที่นิยมมาทุกยุคทุกสมัย เพราะสื่อถึงอารมณ์ความรักความผูกพัน ความสนุกสนาน ๆ อารมณ์สบาย ๆ การใช้สถานที่อาจเลือกร้านประจำที่ไปทานด้วยกันครั้งแรก ร้านที่ไปบ่อย ๆ หรือจะเลือกร้านที่แต่งเก๋ ๆ แนวคาเฟ่ แนววินเทจ ก็มีให้เลือกมากมายเช่นกัน

ย่านไชน่าทาวน์

เป็นย่านที่เหมาะสำหรับถ่ายแนวสตรีท หรือวินเทจที่สุด เพราะย่านไชน่าทาวน์ จะมีตึกรามบ้านเก่าแก่ มีป้ายต่าง ๆ แบบจีน ที่ให้ความรู้สึกคลาสสิคสุด ๆ

พรีเวดดิ้งสไตล์คลาสสิก ด้วยกล้องฟิล์ม

เสน่ห์ของกล้องฟิล์มคือจะ ให้ความรู้สึกละมุน คลาสสิค ดูน่าค้นหา ยิ่งนำมาถ่ายพรีเวดดิ้งยิ่งมีเสน่ห์โดดเด่น แต่หากหากล้องฟิล์มยาก ก็สามารถแต่งรูปโดยฟิลเตอร์ที่เป็นโทนรูปฟิล์มก็ได้เช่นกัน

ถ่ายภาพแนวสตรีท คู่รักเดินคู่กัน

การถ่ายแนวนี้เพียงหาสถานที่ที่ต้องการ ในช่วงเวลาที่แสงเหมาะสม ก็เพียงพอแล้วที่จะได้ภาพที่มีความเป็นธรรมชาติ ดูอบอุ่น และโรแมนติกสุด ๆ

ภาพขาว-ดำ

ภาพแนวนี้มีเสน่ห์สุดแสนความคลาสสิก อีกทั้งยังเท่ และคูล มีความสวยงามแปลกตา เน้นแสงเงา แตกต่างจากภาพสีเป็นอย่างมาก หากใครต้องการภาพแนวอาร์ท ๆ ภาพขาวดำก็น่าสนใจไม่น้อย

ภาพสไตล์ snap

ภาพสไตล์ snap เป็นการถ่ายแบบเผลอ เช่น การหยอกล้อ ป้อนขนม จึงให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ดูอบอุ่น เห็นแล้วยิ้มตาม หากอยากเพิ่มความโดดเด่นลองใช้กล้องฟิล์มจะสวยมากยิ่งขึ้น

ยิ้ม หัวเราะ เฮฮาไปด้วยกัน พรีเวดดิ้งสไตล์คลาสสิก ที่ต้องถ่าย

เป็นอีกหนึ่งแนวพรีเวดดิ้งสุดคลาสสิค ดูสดใส คล้ายช่วงจีบกันใหม่ ๆ เหมือนย้อนความรู้สึกถึงช่วงเวลาที่เจอกันครั้งแรก เป็นภาพอีกแนวที่ต้องมีเก็บไว้

ทั้งหมดนี้คือแนวทาง พรีเวดดิ้งสไตล์คลาสสิก ที่เรารวบรวมมานำเสนอ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับคู่รักที่กำลังจะแต่งงาน แต่คิดไม่ออกว่าจะถ่ายแบบไหนดี ก็สามารถนำสไตล์คลาสสิกเหล่านี้ไปเป็นแนวทางปรับใช้กันได้รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน

ทัวร์ปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ที่ดึงดูดคนทั่วโลก

ปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศจีน ที่ในแต่ละปีสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้หลายล้านคนให้เดินทางเข้ามาเที่ยวชม ด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรม ศิลปะ ผู้คน อาหาร ที่แปลกใหม่ และแตกต่างจากที่อื่น โดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย ที่มีทั้งความสวยงาม โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ เหมาะเป็นอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการทัวร์ปักกิ่งวันเดียวให้จบ แน่นอนว่าการที่ปักกิ่งเป็นเมืองหลวง ถือว่าเป็นศูนย์รวมความเจริญ ความทันสมัย ทำให้สามารถเดินทาง และใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย เช่นเดียวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่จะนำมาแนะนำให้ดูกันในวันนี้ รับรองได้เลยว่าถ้าคุณจะไปทัวร์ปักกิ่ง สถานที่แห่งนี้ต้องอยู่หนึ่งในรายชื่อที่จะต้องไปอย่างแน่นอน

ทัวร์ปักกิ่งที่หอสักการะฟ้าเทียนสถาน (Temple of Heaven)

สำหรับ หอสักการะฟ้าเทียนสถาน (Temple of Heaven) จะตั้งอยู่ทางตอนใต้ของปักกิ่ง เดินทางสะดวกสบาย การเป็นอยู่ อาหาร และสถานที่เหมาะกับการไปทัวร์ปักกิ่งเป็นอย่างมาก โดยคำว่าเทียน หรือ Tian หมายถึง ฟ้า ส่วนคำว่า ถาน หรือ Tan หมายถึง แท่นบูชา ที่นำมาใช้สำหรับการประกอบพิธีเซ่นไหว้ หรือบูชาฟ้าดินเพื่อให้ฝนตกตามฤดูกาล ส่งผลให้พืชผลทางการเกษตรมีความอุดมสมบูรณ์ทั้งปีนั่นเอง สำหรับสถานที่ดังกล่าวถูกสร้างขึ้นมาตั้งแต่สมัยจักรพรรดิหย่งเล่อ แห่งราชวงศ์หมิง โดยที่ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 14 ปีเลยทีเดียว และได้ทำการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ในปี ค.ศ.1998 อีกด้วยนั่นเอง

สำหรับหอบูชาเทียนสถาน เป็นสถานที่ที่มีขนาดความกว้างเป็นอย่างมาก ทั้งพื้นที่จะครอบคลุมด้วยขนาดประมาณ 1,700 ไร่เลยทีเดียว ถูกแบ่งส่วน แบ่งโซนออกเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ๆ หลายๆ ส่วน สามารถกำหนดพื้นที่เอาไว้สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ ได้จำนวนมาก โดยที่ในปัจจุบันก็ได้รับความนิยมในการเข้ามาออกกำลังกาย และทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น รำมวยจีน เต้นรำ รวมไปถึงเล่นกีฬาต่างๆ เพราะฉะนั้นจะเต็มไปด้วยบรรยายของวัฒนธรรมของคนในพื้นที่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก โดยที่ภายในพื้นที่ดังกล่าวจะประกอบได้ด้วยต้นสนจำนวนมากกว่า 4,000 ต้น แต่ละต้นก็จะมีอายุที่มากกว่า 100 ปี ซึ่งก็มีบางต้นที่มีอายุที่ยาวนานกว่า 500 ปีเลยทีเดียว โดยที่สมัยก่อนการปลูกต้นสนถือว่าเป็นเรื่องต้องห้าม ที่คนปกติทั่วไปห้ามปลูก เพราะต้นสนถือว่าเป็นต้นไม้ชั้นสูง มีไว้สำหรับประดับบารมีเฉพาะระดับจักรพรรดิเพียงเท่านั้น แน่นอนว่าบรรยายของต้นสนจะช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก

ในส่วนของแท่นบูชาจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ ตำหนักฉีเหนียนเตี้ยน หรือตำหนักสักการะ เป็นตำหนักที่มีความยิ่งใหญ่ มีความโดดเด่น และถูกจัดลำดับว่ามีความสำคัญมากที่สุด ต่อมาก็คือตำหนักหวงฉุงหยีว์ หรือตำหนักเทพสถิต เป็นสถานที่เอาไว้สำหรับเก็บรักษาแผ่นป้ายชื่อของเทพเจ้าผู้ปกครองสวรรค์ และสุดท้ายก็คือหยวนซิวถาน หรือแท่นบวงสรวงฟ้า ใช้เป็นที่บวงสรวงเทพฟ้าดิน โดยที่หอสักการะเทียนถานแห่งนี้ ถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของจีนที่ถ้าหากใครมีโอกาสไปทัวร์ปักกิ่ง ต้องห้ามพลาดเลยนั่นเอง

ไอเดีย พรีเวดดิ้ง แนวธรรมชาติ สุดแสนโรแมนติก

พรีเวดดิ้ง แนวธรรมชาติ ถือเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับคู่รักที่กำลังจะแต่งงาน เพราะนอกจากจะให้อารมณ์ท่ามกลางธรรมชาติสุดแสนโรแมนติก ก็ยังสามารถหามุมสวย ๆ แปลกตาไม่ซ้ำใครได้เยอะมาก ซึ่งหากใครคิดไม่ออกว่าจะถ่ายแบบไหนดีถึงจะสวย เราจึงนำไอเดียเก๋ ๆ มาฝากกันเพื่อเป็นแนวทางในการถ่ายส่วนจะมีแบบไหนบ้างมาดูกันเลย

รัสติก พรีเวดดิ้ง แนวธรรมชาติ ยอดนิยมตลอดกาล

การถ่ายพรีเวดดิ้ง แนวรัสติก ถูกใช้มาอย่างยาวนาน มีความเรียบง่าย แต่สุดโรเมนติก โดยจะออกแนว แนวคันทรี โรงนา ชายป่า ทุ่งหญ้า ชนบทเล็ก ๆ โดดเด่นด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติท่ามกลางแสงแดด ดูอบอุ่น มีภูมิทัศน์อันสวยงาม ท่าถ่ายภาพก็อย่าง เช่น เต้นรำ กอดกัน หรือสามารถออกแบบได้ตามต้องการ

พายเรือเงียบ ๆ เพียงแค่เราสองคน

ไอเดียนี้เป็นการถ่ายที่ให้อารมณ์เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย อยู่บนเรือเพียงสองคน ท่ามกลางสายน้ำ ท้องฟ้า ขุนเขา อาจต้องหาโลเกชัน และถ่ายรูปยากสักหน่อย แต่บอกได้เลยว่าจะสุดแสนโรแมนติกอย่างแน่นอน

ท้ายกระบะเก๋ๆ

การพรีเวดดิ้งแนวนี้จะยากตรงที่ต้องหา รถกระบะ รถบรรทุก เก่า ๆ แนววินเทจมาใช้ถ่าย แต่หากหาได้รับรองจะได้รูปที่สวยเก๋อย่างแน่นอน การจัดพร๊อพก็ให้หาของต่าง ๆ มาวางไว้บนหลังคาสไตล์รัสติกเท่ ๆ ด้วยการปิกนิกหวาน ๆ ฉากหลังอาจจะเป็นบนถนนสายเปลี่ยว ทุ่งหญ้า ภูเขา หรือทะเลก็ได้

ห่มผ้าแสนอบอุ่น

พรีเวดดิ้งแนวนี้ เน้นแบ็คกราวสวย ๆ เช่น บนภูเขา ทะเลหมอก ทุ่งหญ้า โรงนา แล้วโพสท่ายืนโอบกัน ขี่หลัง แล้วห่มด้วยผ้าสวย ๆ รับรองว่าจะได้รูปสุดหินอย่างแน่นอน

พรีเวดดิ้ง สไตล์ฟาร์ม

เป็นการพรีเวดดิ้งที่น่าสนใจไม่ไม่น้อย โดนต้องหาโลเกชันที่เป็นฟาร์ม ที่มีกองฟาง มัดฟาง หากมีแกะฝูงใหญ่ หรือฟาร์มวัว ยิ่งเป็นพร๊อพที่แสนวิเศษสุด ๆ

พรีเวดดิ้ง แนวธรรมชาติ วิวภูเขา

สำหรับในบ้านเราการพรีเวดดิ้งวิวภูเขาถือว่าเป็นเรื่องง่าย สุด ๆ เพราะมีสถานที่ให้เลือกเยอะมาก อีกทั้งยังสามารถเลือกถ่ายได้หลายมุม หลายแนว หากใครคิดไม่ออกแนะนำว่าวิวภูเขาคือทางเลือกที่สะดวกสุดแถมยังให้ภาพที่สุดแสนหวานอีกด้วย

เป็นยังไงกันบ้างสำหรับการ พรีเวดดิ้ง แนวธรรมชาติ ที่เรานำมาฝาก หากใครชอบแนวไหนก็สามารถนำไปใช้เป็นแรงบันดาลใจได้เลย หรือจะนำไปปรับไอเดียที่สร้างสรรค์ใหม่ ๆ เพื่อให้มีความสวยงาม แปลกตา ก็แล้วแต่มุมมองก็ความชอบส่วนตัว เพราะถือเป็นงานศิลปะไม่มีถูกไม่มีผิด เพียงแค่ได้รูปตามที่คิดไว้ก็ถือเป็นสิ่งพิเศษสุด ๆ แล้ว

ปลาร้าหลนหมูสับ สูตรไม่ลับที่ทำเองได้ง่าย ๆ

ปลาร้าหลนหมูสับ อาหารไทยโบราณที่หาทานยาก แต่บอกเลยว่าทำได้ง่าย ๆ อีกทั้งเครื่องปรุงส่วนผสมต่าง ๆ  รวมไปถึงการทานคู่กับผักสดยังดีต่อสุขภาพอีกด้วย และทำเองทานเองได้รสชาติถูกปากกว่าซื้อมากิน ดังนั้นเราจึงจะพาทุกคนมาเข้าครัวทำกับข้าวไทยโบราณแท้ ๆ แบบที่เคยกินมาตั้งแต่เด็ก รวมไปถึงคนที่ชอบรสชาติของปลาร้า ส่วนขั้นตอนจะมีอะไรบ้างมาดูกันเลย

ส่วนผสมการทำ ปลาร้าหลนหมูสับ สำหรับ 1-2 ท่าน

  • น้ำปลาร้าต้มสุก 1 ถ้วย
  • กะทิ 1 กล่องประมาณ 250 มิลลิลิตร
  • หมูบด 150-200 กรัม
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • น้ำมะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
  • ตะไคร้ซอยละเอียด 1 ถ้วย
  • ข่าอ่อนหั่นแว่น 3-4 ชิ้น
  • ใบมะกรูดซอยละเอียด 5 ใบ
  • หอมแดงซอย 3-4 หัว
  • พริกชี้ฟ้าสีเขียว สีแดง เหลืองหั่นหนาตามชอบ

วิธีทำ ปลาร้าหลนหมูสับ

  • นำตะไคร้กับข่าอ่อนไปโขลกหรือปั่นรวมกันจนละเอียด
  • นำหม้อตั้งไฟแล้วนำหัวกะทิใส่ลงไป ตามด้วยหอมแดงซอย ตะไคร้กับข่าอ่อนที่โขลกเตรียมไว้ ลงไปคนให้เข้ากัน
  • พอกะทิเริ่มเดือดได้ที่ให้ใส่ใบมะกรูดซอย แล้วเบาไฟลงเล็กน้อย ตามด้วยหมูแล้วคนให้เข้ากันกับกะทิ
  • นำน้ำปลาร้า น้ำมะขามเปียก นำตาลมะพร้าว ใส่ลงไปในหม้อ ในขั้นตอนนี้แนะนำว่าค่อย ๆ ใส่แล้วชิมเพื่อที่รสชาติจะได้ไม่หนักไปทางใดทางหนึ่ง หากขาดตรงไหนก็ให้เพิ่มส่วนนั้นจนรสชาติกลมกล่อม

**สังเกตดูว่าหากหมูสับสุกดีแล้วให้ใส่พริกแดง พริกเขียม ลงไปอาจจะฉีกใบมะกรูดฉีกลงไปด้วยก็ได้คนให้ทั่ว ปิดไฟยกหม้อลงจากเตาถือเป็นอันเสร็จ

ในการเสิร์ฟสามารถเลือกผักได้ตามใจชอบ แต่ที่นิยมก็จะเป็น แตงกวา ขมิ้นขาว ถั่วพู ใบมะกอกอ่อน มะเขือเจ้าพระยา เป็นต้น

เคล็ดลับการทำ ปลาร้าหลนหมูสับ

การทำปลาร้าหลนนอกจะเครื่องปรุงต้องครบแล้วสิ่งสำคัญก็คือการเลือกน้ำปลาร้า ควรใช้เลือกใช้ปลาร้าข้าวคั่วเพราะจะมีกลิ่นไม่แรง หอมนุ่มนวลช่วยทำให้มีรสชาติที่ดีมากขึ้น

เพียงเท่านี้ก็จะได้ ปลาร้าหลนหมูสับ รสชาติแสนอร่อยแล้ว ซึ่งหากใครหาซื้อยากก็ทำตามขั้นตอนที่เรานำมาฝากได้เลย อีกทั้งยังสามารถนำไปปรับสูตรได้ตามใจชอบ เช่นหากไม่ชอบหมูสับก็อาจใช้เนื้อปลาดุกหรือเนื้อสัตว์อื่น ๆ หรือเห็ดก็ได้ บกเลยว่ากินกับข้าวร้อน ๆ จานเดียวไม่พออย่างแน่นอน

สิวหัวดำ หรือสิวอุดตันหัวเปิด สาเหตุเกิดจากอะไร วิธีรักษา

สิวหัวดำ หรือสิวอุดตันหัวเปิด ส่วนใหญ่พบได้บริเวณใบหน้า อาจพบได้บ้างที่หลัง อก คอ แขน และหัวไหล่ โดยจะมีความแตกต่างจากสิวชนิดอื่น ๆ ซึ่งจะมีลักษณะนูนเล็กน้อย และมีสีคล้ำ หากยังไม่อักเสบจะไม่รู้สึกเจ็บ แต่สิ่งที่น่ากังวลก็คือ สีของสิวที่เห็นบนผิวหนังที่เด่นชัดส่งผลต่อความสวยงามบนใบหน้า และกำจัดได้ยาก

สินค้าน่าสนใจ เซรั่มกระชับรูขุมขน

สาเหตุของการเกิด สิวหัวดำ

สิวอุดตันหัวเปิด เกิดจากรูขุมขนอุดตัน ในรูขุมขนที่มีเส้นขนปกคลุม และต่อมไขมัน เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว เมื่อรวมตัวกันจึงไปอุดรูขุมขน เมื่อดันตัวขึ้นมาแล้วสัมผัสกับอากาศทำให้เปลี่ยนเป็นสีดำ สิวชนิดนี้จะไม่ส่งผลทำร้ายผิวเพราะไม่ได้เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย แค่ก็ส่งผลเสียในด้านความสวยงามของผิวที่อาจดูไม่เรียบสวยจนขาดความมั่นใจได้

การกำจัด สิวหัวดำ และการดูแลรักษา

สิวอุดตันหัวเปิด ที่มีหัวสิวสีดำการรักษาที่นิยมก็คือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกรดซาลิไซลิก ที่ช่วยการผลัดเซลล์ผิว และทำความสะอาดรูขุมขนที่อุดตัน ทำให้ผิวมีความแข็งแรงมากขึ้น แต่ควรเลือกใช้สูตรที่อ่อนโยนเหมาะสมกับผิวเพื่อลดความเสี่ยงต่อการระคายเคือง และรอยแดง

สิ่งที่ไม่ควรทำในการรักษา สิวหัวดำ

สิ่งแรกที่ไม่ควรทำ คือ ไม่ควรกดสิวเองซึ่งเพราะอาจจะทำให้เกิดการอักเสบ เป็นรอยผลฝังลึกจนยากต่อการรักษาได้ หากต้องการทำจริง ๆ ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ดำเนินการ

หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมอย่างแอลกอฮอล์ เมนทอล ยูคาลิปตัส หรือสารเคมีต่าง ๆ เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้ดีขึ้น ยังไปกระตุ้นให้ผิวหนังผลิตน้ำมันเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

ไม่ควรใช้สครับที่รุนแรง ที่สามารถทำร้ายผิวได้โดยตรง อาจทำให้ทำให้เกิดการระคายเคือง และรอยแดงส่งผลเสียต่อผิวมากกว่าเดิม

การใช้แผ่นลอกสิว บอกได้เลยว่าไม่สามารถกำจัด สิวหัวดำ ได้เพราะสามารถทำความสะอาดได้แค่เพียงผิวชั้นบนเท่านั้น หากผิวแพ้ง่ายก็เสี่ยงต่ออาการระคายเคืองอีกด้วย

อย่างไรก็ตามหาก สิวหัวดำ หรือสิวอุดตันหัวเปิดเกิดขึ้นจำนวนมาก หรือรักษาเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้นควรไปแพทย์ผิวหนังจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด เพราะนอกจากจะได้รับการปฏิบัติตัวที่ถูกวิธีแล้ว แพทย์ยังสามารถแนะนำผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่เหมาะสม เช่น เซรั่มลดสิว การรักษาด้วยกรดซาลิไซลิก หรือต้องใช้เรตินอยด์ รวมไปถึงการกดสิวที่ใช้เครื่องมือที่ทันสมัย เป็นต้น

ลูกซึมเศร้า สาเหตุที่แท้จริงอาจมาจากตัวพ่อแม่

การที่ ลูกซึมเศร้า เป็นสิ่งที่พ่อแม่ต้องหมั้นคอยสังเกตอาการเพราะจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิต ซึ่งอาจจะสร้างปัญหาในอนาคตที่อาจจะรุนแรงถึงการฆ่าตัวตายได้ ในปัจจุบันมาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น การเรียนที่หนัก การถูกบูลลี่จากเพื่อน ถูกเพื่อนแกล้ง ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในโรงเรียน แต่รู้หรือไม่ว่าบางทีสาเหตุที่แท้จริงบางทีก็มาจากตัวพ่อแม่เองก็เป็นได้ ซึ่งพฤติกรรมภายในครอบครัวที่จะส่งผลให้เด็กซึมเศร้าก็มีดังนี้

พฤติกรรมที่พ่อแม่ทำให้ ลูกซึมเศร้า

คาดหวังในตัวลูกมากเกินไป

การคาดหวังในตัวลูกไม่ใช่เรื่องผิด แต่หากมากเกินไปก็จะกลายเป็นการสร้างความเจ็บปวดให้กับลูกโดยไม่รู้ตัว การที่พ่อแม่วางแผนปูทางให้ลูกทำทุกอย่างตามต้องการไม่ว่าจะเป็นโรงเรียน ผลการเรียนต้องดี อาชีพในอนาคตต้องเป็นโน่นเป็นนี่ เพื่อไว้อวดคนรอบข้างซึ่งทำให้เด็กต้องแบกความคาดหวังเอาไว้ด้วยความกดดัน สุดท้ายลูกก็อาจจะกลายเป็นซึมเศร้าได้

ลูกซึมเศร้า เพราะไม่เคยได้กำลังใจ

กำลังใจที่ดี และคำพูดในเชิงบวก จะเป็นการสร้างจิตใจของเด็กให้มีความเข้มแข็ง แต่หากไม่เคยให้กำลังใจไม่เคยกล่าวชมเมื่อทำดีเพราะกลัวเด็กเหลิง แถมบางครั้งยังคอยติ ยิ่งทำผิดพลาดมายิ่งบ่นด่า ก็ยิ่งเป็นการบั่นทอนความรู้สึก และทำร้ายจิตใจเขาจึงไม่แปลกที่เด็กจะกลายเป็นโรคซึมเศร้า

ปล่อยให้เด็กต่อสู้กับปัญหาโดยลำพัง

การที่พ่อแม่เฝ้าดูลูกแบบห่วง ๆ อยู่ห่าง ๆ รับรู้ปัญหาของเขา จะทำให้ลูกรู้ว่าเขาไม่ได้โดดเดี่ยวตามลำพัง ในทางกลับกันหากพ่อแม่ไม่เคยสนใจ หากมีปัญหาก็มักจะตำหนิเพราะคิดว่าเรื่องเล็กนิดเดียว เด็กก็จะรู้สึกแย่เหมือนถูกทิ้งให้แก้ปัญหาเอง สุดท้ายเขามีอะไรก็จะไม่บอกอีกเลย และเลือกที่จะเก็บทุกอย่างไว้เองทั้งหมด

เปรียบเทียบกับลูกคนอื่น

การเปรียบเทียบลูกกับเด็กคนอื่น เช่น ลูกของเพื่อนแม่เรียนเก่งกว่าลูก หรืออะไรก็ตามที่จะทำให้เด็กรู้สึกด้อยค่าตัวเอง กลายเป็นปมในใจว่าไม่มีอะไรดี ในระยะยาวก็จะกลายเป็นคนขี้อิจฉา ในใจมีแต่ความทุกข์ซึ่งก็เป็นอีกสาเหตุของโรคซึมเศร้า

ใช้ความรุนแรงภายในครอบครัวทำให้ ลูกซึมเศร้า

พ่อกับแม่ที่ชอบใช้ความรุนแรง หรือทะเลาะกันต่อหน้าลูก อีกทั้งบางครั้งยังพาลไปใส่ลูก ซึ่งถือเป็นการทำร้ายจิตใจเด็กอย่างรุนแรง เพราะเขาอาจจะคิดว่าที่พ่อแม่ทะเลาะกันก็เป็นเขาเองที่เป็นต้นเหตุ  จนทำให้รู้สึกกลัวไร้ที่พึ่ง

ดังนั้นหากไม่อยากให้ ลูกซึมเศร้า พ่อแม่ลองเช็กตัวเองดูว่ามีพฤติกรรมเหล่านี้หรือไม่ เพราะบางทีก็เป็นตัวพ่อแม่เองที่ผลัก และเป็นสาเหตุที่หยิบยื่นโรคซึมเศร้าให้กับลูก

พฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท

หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ปัจจัยเสี่ยงหลัก ๆ คือ พฤติกรรมในการชีวิตประจำวันมักพบได้บ่อยในกลุ่มวัยทำงาน รวมไปถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งมีความเสื่อมถอยของร่างกายหมอน การที่หมอนรองกระดูกที่อยู่บริเวณกระดูกสันหลังถูกทำลายเสียหายกระดูกอ่อนที่อยู่ภายในหมอนรองกระดูกจะโผล่ออกมากดทับเส้นประสาททำให้มีอาการปวด เช่น ปวดหลังเรื้อรัง ปวดบริเวณเอวด้านล่าง ปวดขา อาการชา อ่อนแรง หากยิ่งกดทับมากก็ยิ่งมีอาการที่รุนแรงมากขึ้น

หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เกิดจากพฤติกรรมอะไรบ้าง

มีน้ำหนักตัวที่มากเกินไป – ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก อ้วนลงพุง ทำให้กระดูกสันหลังส่วนล่างต้องรับน้ำหนักที่มากตลอดเวลา จึงมีโอกาสเสี่ยงที่หมอนรองกระดูกจึงมีโอกาสเสื่อม หรือแตก ปลิ้นได้ง่ายกว่าคนที่มีรูปร่างปกติ

เกิดอุบัติเหตุ หรือแบกของหนัก – หากเคยเกิดอุบัติเหตุเช่น การเบรกรถกะทันหัน การเล่นกีฬาจนเกิดหมอนรองกระดูกฉีก การแบกของหนักที่ต้องใช้กล้ามเนื้อหลังแทนกล้ามเนื้อขาก็เป็นสาเหตุกระดูกจึงบิดหรือเคลื่อนได้เช่นกัน

การใช้งานร่างกายผิดท่า – ในกรณีนี้ก็ย่างเช่น ผู้ที่ต้องนั่งทำงานในท่าเดิม ๆ เป็นเวลานานโดยไม่ค่อยเปลี่ยนอิริยาบถ การนั่งโดยไม่พิงพนัก ก้มนาน ๆ ให้งานร่างกายอย่างหักโหมแต่พักผ่อนน้อย การจ้องหน้าคอมพิวเตอร์มากเกินไป หรืองานที่ต้องก้ม ๆ เงย ๆ อย่างเช่น งานแม่บ้าน การขับรถทางไกลบ่อย ๆ การยกของโดยไม่ระวัง ดังนั้นการทำกิจกรรมใด ๆ ควรจัดระเบียนร่างกายให้เหมาะสม

การสูบบุหรี่ – ผู้ที่สูบบุหรี่มีความเสี่ยงสูงต่ออาการเสื่อมของหมอนรองกระดูก หรือหมอนรองกระดูกสันหลังปลิ้นค่อนข้างมากเพราะบุหรี่มีส่วนทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงหมอนรองกระดูกหรือกระดูกสันหลังได้ไม่มีประสิทธิภาพทำให้ร่างกายขาดความยืดหยุ่น ส่งผลให้การเคลื่อนไหวร่างกายไม่ดี จึงทำให้เกิดปัญหาได้

ขาดการออกกำลังกาย – การไม่ออกกำลังกายจะทำให้กล้ามเนื้อลีบ ฝ่อ ทำให้มีความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บต่อหมอนรองกระดูกได้มากขึ้น ดังนั้นการออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อหลังแข็งแรง และมียืดหยุ่นมากขึ้น แต่ควรออกกำลังกายแต่พอเหมาะ หากมากเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียอย่างข้อกระดูกเสื่อมได้

การแต่งกาย – การแต่งกายเช่น สวมรองเท้าส้นสูงที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดอาการปวดหลังที่มาจากความผิดปกติของแนวกระดูกสันหลัง หรือการสะพายกระเป๋าหนักๆ ด้วยไหล่เพียงข้างเดียวนาน ๆ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อ และกระดูกต้องรับน้ำหนักมากจนทำให้กระดูกคดงอได้

หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท เกิดจากการนอนผิดท่า – เช่นการนอนคว่ำเพื่ออ่านหนังสือ นอนขดตัวคุดคู้ การนอนหดแขนขา ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุอาการปวดคอ ปวดหลังจนทำให้กระดูกสันหลังบิดงอ ผิดรูป ดังนั้นควรนอนในท่าที่ถูกต้องคือนอนหงาย หนุนหมอนที่นุ่ม ไม่สูงเกินไป

นอกจากพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเป็น หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ที่กล่าวมาทั้งหมด ความเสื่อมตามวัย ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยงด้วยเช่นกัน ดังนั้นหากรู้สึกว่าเป็นหรือมีอาการควรรีบไปตรวจเพื่อที่จะได้รักษาอย่างถูกวิธี

ทำความรู้จัก ไรขี้เรื้อนเปียก ในสุนัข สาเหตุ และการรักษา

ไรขี้เรื้อนเปียก หรือโรคขี้เรื้อนขุมขนสามารถพบได้ในสัตว์เลี้ยงแทบทุกประเภทโดยเฉพาะลูกสุนัขที่มักจะได้รับเชื้อจากแม่สุนัขในช่วงหลังคลอด โดยจะไม่มีส่งต่อเชื่อไปยังสุนัขตัวอื่นได้ถึงแม้จะมีอายุที่มากขึ้น ซึ่งต่างจากโรคขี้เรื้อนแห้งที่สามารถติดต่อได้หากสัตว์อยู่ใกล้ชิดกัน

สาเหตุการเกิด ไรขี้เรื้อนเปียก

สาเหตุที่เกิดโรคก็คือสุนัขที่มีความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ หรือมีโรคอื่น ๆ ที่ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ โดยอาการที่พบได้ก็คือ ขนร่วง ผิวหนังอีกแสบแดง ในบางรายอาจจะมีสะเก็ดรังแค มีคราบน้ำเหลืองตามผิวหนัง หากมีอาการอักเสบที่รุนแรง หรือมีอาการติดเชื้อแบคทีเรียเพิ่ม ก็จะทำให้สุนัขคันเกาไม่หยุด

ไรขี้เรื้อนเปียก แบ่งออกได้เป็น 2 ชนิด

  1. แบบเฉพาะที่ – โรคขี้เรื้อนเปียกแบบเฉพาะที่จะเกิดขึ้นในบางตำแหน่งของร่างกายอาจจะมีขนร่วงเป็นหย่อม ๆ มีอาการอักเสบไม่รุนแรงมากนัก ส่วนใหญ่มักจะเกิดบริเวณรอบดวงตา ปาก ศีรษะ ขาหลัง และลำตัว โดยส่วนใหญ่จะสามารถหายได้เอง แต่อย่างไรก็ตามก็สามารถกลายเป็นแบบกระจายทั่วตัวได้
  2. แบบกระจายทั่วตัว – เป็นชนิดที่มีความรุนแรงมากกว่าแบบแรก โดยโรคจะมีการกระจายเป็นวงกว้าง เกิดขึ้นในหลายตำแหน่ง สามารถเกิดขึ้นได้บริเวณเท้าของสัตว์ได้อีกด้วย

การวินิจฉัย ไรขี้เรื้อนเปียก

สัตวแพทย์จะใช้วิธีขูดตรวจผิวหนังชั้นลึกเพราะเชื้อจะอาศัยอยู่ในรูขุมขนใต้ผิวหนัง แต่หากบริเวณที่ติดเชื้อยากต่อการขูด เช่น บริเวณรอบดวงตาอาจใช้วิธีดึงขนเพื่อมาส่องตรวจทางกล้อง หากการวินิจฉัยพบว่าเป็นโรคขี้เรื้อนเปียก ก็จะได้รับการตรวจหาโรคอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรค เช่น ภาวะไทรอยด์ต่ำ โรคตับแบบเรื้อรัง เป็นต้น

การรักษา ไรขี้เรื้อนเปียก

การรักษาจะเป็นการให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อนที่ผิวหนัง เช่น ยาปฏิชีวนะ รวมไปถึงแชมพูที่มีส่วนผสมของยาที่ออกฤทธิ์ทำความสะอาดลึกถึงรูขุมขน รวมไปถึงการรักษาตามอาการที่เกิดขึ้น ยาที่ใช้รักษาก็มีทั้งแบบทา แบบกิน แบบหยด ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสัตวแพทย์ว่าจะใช้ยาแบบไหนโดยจะพิจารณาจากอาการ และความรุนแรงของโรค

ถึงแม้ ไรขี้เรื้อนเปียก แบบเฉพาะที่จะสามารถหายเองได้ แต่หากเกิดก็ไม่ควรปล่อยเอาไว้ควรรีบทำการรักษาเพราะอาจจะลุกลามกระจายทั่วตัวได้จนอาการรุนแรงได้ ดังนั้นหากใครเลี้ยงสุนัขหรือสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ ก็ควรหมั่นสังเกตอาการเป็นประจำเพื่อที่สุนัขจะได้มีสุขภาพที่ดี และมีอายุที่ยืนยาวมากขึ้น

บทความใหม่ล่าสุด

บทความน่ารู้